โพสต์ข่าว

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่17

องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECO)


ข้อมูลทั่วไป 

        ECO เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระหว่างประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียกลาง  ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 แทนที่องค์การเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาในภูมิภาค (Organization of Regional Cooperation for Development: RCD) ซึ่งดำเนินการระหว่างปี 1964 ถึง 1979    สมาชิกก่อตั้ง ECO คือ อิหร่าน ปากีสถาน และตุรกี  ในปี 1992 ECO ได้เปิดรับสมาชิกเพิ่มอีก 7 ประเทศ ทำให้สมาชิกปัจจุบันมี 10 ประเทศประกอบด้วย อัฟกานิสถาน อาเซอร์ไบจัน อิหร่าน คาซัคสถาน คีร์กิซ ปากีสถาน ตุรกี ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน  โดยกำหนดให้วันรับสมาชิกใหม่เป็นวัน ECO (ECO Day) 

       ECO ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ  การค้า การพัฒนา ฯลฯ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก   รวมไปถึงกระชับความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์  ความชำนาญเฉพาะด้านที่เกิดเป็นประโยชน์ร่วมกันของ ECO 

โครงสร้างองค์การ 

  1. ที่ประชุมระดับรัฐมนตรี (The Council of Ministers: COM) เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของ ECO ประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศหรือผู้แทนในระดับรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิก มีหน้าที่พิจารณา กำหนด และวางนโยบายของ ECO รวมถึงจัดการประชุมสุดยอด (Summit Meeting) ของ ECO
  2. ที่ประชุมคณะผู้แทนถาวร (The Council of Permanent Representatives: CPR) เป็นที่ประชุมของคณะผู้แทนหรือเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกที่ประจำอยู่ ณ ประเทศอิหร่าน และ ECO รวมถึง Director General for ECO Affairs ของกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน  ปฏิบัติหน้าที่เชิงนโยบายในนามของที่ประชุมรัฐมนตรี (COM)  พิจารณางบประมาณ  ทบทวน ติดตามและให้คำปรึกษาแก่ RPC รวมไปถึงติดตามรายงานจากสำนักงานเลขาธิการ ECO
  3. The Regional Planning Council (RPC) ประกอบด้วย Head of the Planning Organization ของประเทศสมาชิก หรือผู้แทนของรัฐบาลจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่ตามยุธศาสตร์  นโยบายและแผน ที่เกี่ยวข้องตามความร่วมมือระดับภูมิภาคตามสนธิสัญญา Izmir รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ด้านนโยบายที่ได้รับจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรี  โดยจะมีการประชุมปีละหนึ่งครั้งก่อนการประชุมในระดับรัฐมนตรี
  4. สำนักงานเลขาธิการ (The General Secretariat)  ก่อตั้งขึ้นตาม Article IX ของสนธิสัญญา Izmir ตั้งอยู่ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ทำหน้าที่ด้านงานบริหารของ ECO  โดยมี Dr. Shamil  Aleskerov จากประเทศอาเซอร์ไบจัน เป็นเลขาธิการคนปัจจุบัน (ดำรงตำแหน่ง สิงหาคม 2012-สิงหาคม 2015) นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยเลขาธิการ และคณะบุคคล (Directorate) อีก 6 คน  ทำหน้าที่งานบริหารองค์กรของ ECO
  5. องค์กรชำนัญพิเศษและสถาบันระดับภูมิภาค (Specialized Agencies and Regional Institutions) เป็นองค์กรที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับของสำนักงานเลขาธิการ ECO  ปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 8 องค์กร ได้แก่ 
องค์กรชำนัญพิเศษ 
  1. ECO Cultural Institute
  2. ECO Science Foundation
  3. ECO Education Institute
สถาบันระดับภูมิภาค 
  1. ECO Chamber of Commerce and Industry
  2. ECO Reinsurance Company
  3. ECO College of Insurance
  4. ECO Trade & Development Bank
  5. ECO Consultancy & Engineering Company

การดำเนินงานสำคัญและพัฒนาการล่าสุด 
การจัดประชุม 

         การประชุมระหว่างกลุ่มรัฐสมาชิก ECO มีทั้ง (1) การประชุมระหว่างคณะกรรมการและองค์กรภายในต่างๆ (2) การประชุมในระดับรัฐมนตรี (Ministerial Meeting) และ (3) การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำประเทศ (Summit)   โดยการประชุมระหว่างคณะกรรมการและองค์กรภายในแบ่งเป็นการประชุมตามประเด็นต่าง ๆ คือ การค้าและการลงทุน การสื่อสาร และโทรคมนาคม การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว พลังงาน แร่ธาตุ และสิ่งแวดล้อม การจัดการยาเสพย์ติด และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

           การประชุมทั้งในระดับคณะกรรมการและระดับรัฐมนตรีจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ส่วนการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำประเทศ (Summit) จะจัดขึ้นทุก  2 – 3 ปี  ทั้งนี้ การจัดประชุมครั้งล่าสุด (12th ECO Summit Meeting) จัดขึ้นที่กรุงบากู  ประเทศอาเซอร์ไบจัน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2012 โดยมี H.E. Dr. İIham Aliyev ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจันเป็นประธาน  ในโอกาสพิเศษ ECO ครบรอบ 20 ปี (1992-2012)    

           ทั้งนี้ การจัดประชุม Summit ครั้งต่อไป (13th ECO Summit Meeting) จะมีขึ้นที่ประเทศปากีสถาน  ขณะที่การจัดประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งต่อไป (21st Council of Ministers Meeting) จะมีขึ้นที่กรุงดูชานเบ ประเทศทาจิกิสถาน 
การดำเนินงานของ ECO 

            กิจกรรมของ ECO ดำเนินการผ่านคณะกรรมการภายใต้การกำกับดูแลของเลขาธิการ ECO โดยแบ่งสาขาความร่วมมือออกเป็น 7 สาขา คือ 

           1. การค้าและการลงทุน  โดยเน้นสร้างความตกลงการค้า  (Trade Agreement) การอำนวยความสะดวกและลดกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีศุลกากร (Customs Matters)  การปกป้องการลงทุนและอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราเพื่อกระตุ้นการลงทุน  รวมไปถึงการเสริมศักยภาพของสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุน  อาทิ การรื้อฟื้น ECO Chamber of Commerce and Industry  การก่อตั้ง Trade Promotion Organizations (TPOs) เป็นต้น 

           2. การขนส่ง การสื่อสารและโทรคมนาคม
  ปฏิบัติตามกรอบ Transit Trade Framework Agreement  พัฒนาการขนส่งทางถนน และทางรางระหว่างประเทศสมาชิก  การออกตรวจลงตราสำหรับพนักงานขับรถขนส่ง (Drivers and Crews) รวมไปถึงการวางระบบอินเตอร์เน็ตออนไลน์ (Online System)  และจัดตั้งจุดบริการธนาณัติ (financial postal services) เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศสมาชิก 

           3. กิจการพลังงาน แร่ธาตุ และสิ่งแวดล้อม 
 โดยบรรลุแผนแม่บท The New Plan of Action on Energy/Petroleum Cooperation in the ECO Region (2011-2015) ในการประชุมระดับรัฐมนตรี ECO Ministerial Meeting on Energy/Petroleum ครั้งที่ 2 ที่กรุงดูชานเบ้ เมื่อปี 2010 เพื่อเป็นกรอบการทำงานร่วมกันในด้านพลังงาน  ปิโตรเลียม     ในด้านสิ่งแวดล้อม ECO บรรลุแผนแม่บท The Plan of Action on Environmental Cooperation and Global Warming (2011-2015) ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรี ECO Ministerial Meeting on Environment ครั้งที่ 4 ที่กรุงเตหะราน เมื่อปี 2011  รวมถึงก่อตั้งสถาบันด้านสิ่งแวดล้อม (The ECO Institute of Environmental Sciences and Technology: ECO-IEST) ในปี 2011 เพื่อดูแลกิจการด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศสมาชิก 

           4. การเกษตรกรรม  อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว โดยเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) โดยประสานงานกับองค์การ FAO แห่งสหประชาชาติ  การจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร  การส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)  นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงการตั้งมาตรฐานร่วมกัน  การส่งเสริมการท่องเที่ยว  ความร่วมมือด้านเยาวชน  และการบริหารจัดการกับภัยธรรมชาติ  เป็นต้น 

           5.  กิจการด้านทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ  เสริมสร้างความร่วมมือด้านยา (Pharmaceutical)  ความร่วมมือด้านการบรรเทาทุกข์  กาชาด  และยกระดับความปลอดภัยด้านสุขอนามัย  ตามเป้าหมายการพัฒนาสหัสวรรษ (Millennium Development Goals: MDG)  และการจัดการกับปัญหายาเสพติด 

           6. โครงการวิจัยและการเก็บข้อมูลสถิติทางเศรษฐกิจ เพื่อเร่งสร้างบุคลากร และหน่วยงานที่มีศักยภาพด้านการวิจัยและงานสถิติทางเศรษฐกิจ  และสร้าง ECO Statistical Network (ECOSTAT) รองรับฐานข้อมูลเศรษฐกิจร่วมกัน  ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการวางทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาค  

           7.  กิจการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ อาทิ  WTO  OIC  Islam Development Bank รวมไปถึงประเทศนอกกลุ่ม ECO (non-ECO States)  ปัจจุบัน ECO มีบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับองค์การระหว่างประเทศและคู่เจรจา มากกว่า 30 ฉบับ  และปรับปรุง  A comprehensive Plan of Action ที่กำหนดแนวทางขยายความร่วมมือเชิงลึกระหว่าง ECO กับต่างประเทศ 

          นอกจากนี้  ECO ยังดำเนินงานฟื้นฟูประเทศอัฟกานิสถาน (Reconstruction of Afghanistan) โดยจัดตั้งกองทุนพิเศษ Special Fund for Reconstruction of Afghanistan มีวงเงินกว่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  
และลงนาม Protocol กับ Turkish International Cooperation and Development Agency (TIKA) ของตุรกี ในปี 2010 เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดทำโครงการฟื้นฟูอัฟกานิสถานระหว่าง ECO กับตุรกี 

บทบาทของไทยต่อ ECO 

           ประเทศไทยและองค์การ ECO ยังไม่มีความร่วมมือโดยตรง แต่มีความร่วมมือในกรอบ ECO-ASEAN โดยเริ่มปรากฏความเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันตั้งแต่ครั้งการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ECO-ASEAN ครั้งที่ 1 (The 1st ASEAN-ECO Foreign Ministers Meeting) เมื่อ 28 กันยายน 1995 ที่นครนิวยอร์ก  โดยแสวงหาความร่วมมือระหว่างองค์การระหว่างประเทศทั้งสองในด้านการค้า การลงทุน  การขนส่งและโทรคมนาคม  กิจการพลังงาน  การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  และการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  และได้มีการประชุมกรอบ ECO-ASEAN มาโดยตลอด 

           ทั้งนี้ ASEAN และ ECO ได้ขยายกรอบความร่วมมือให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยในการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 10 และ 11  เห็นพ้องขยายลู่ทางความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน  การท่องเที่ยว  การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมไปถึงการพิจารณาลู่ทางพัฒนา Inter-regional Connectivity 

           โดยล่าสุด กรอบความร่วมมือ ECO-ASEAN ได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 12  (The 12th ASEAN-ECO Joint Ministerial Meeting) ในระหว่างวันที่ 24-29 กันยายน 2012 ที่นครนิวยอร์ก  โดยมีเลขาธิการของ ASEAN และ ECO เข้าร่วม  เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองภูมิภาค ให้มีความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศสมาชิกและมีกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบของหุ้นส่วน ECO-ASEAN partnership มากยิ่งขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น